Business Software Consultant ตำแหน่งงานสุดฮอตที่หลายๆคนอยากจะเป็น เพราะ Technology หรือ Product เป็นเพียงเครื่องมือเท่านั้น หัวใจสำคัญอยู่ที่ Solutions นั่นก็คือ ทักษะของคน ด้วยโอกาสในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆที่หลากหลายในแต่ละธุรกิจ ได้สัมผัสและเรียนรู้แนวคิดของผู้บริหาร(ลูกค้า)โดยตรง แม้งานจะน่าสนใจแต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะผ่านจุดเริ่มต้นไปได้ นี่คือเสน่ห์ของสายงานนี้ บุคคลากรด้านนี้ก็ยังมีน้อยมากและขาดแคลนทั้งในกทม และ หัวเมืองในต่างจังหวัด
ลักษณะงาน
Business Software Consultant รวมไปถึง Implementer นั้น ต้องอาศัยการเรียนรู้ในหลายด้านที่เกี่ยวข้องกันหมด จะรู้แค่การสร้าง Model ก็ไม่ได้ หรือรู้แค่ Data Pipeline หรือ UX/UI ก็ไม่ได้ เพราะต้องศึกษาและทำความเข้าใจฟังก์ชั่นการทำงานของโปรแกรมนั้นๆ เพื่อกำหนดและวางระบบโปรแกรม ให้สอดคล้องกับ Requirement หรือธุรกิจของลูกค้า พร้อมจัดทำเอกสารประกอบการวางระบบรวมไปถึงการฝึกอบรม (กรณี Software ขนาดเล็ก Consult อาจจะต้องทำทุกอย่าง รวมไปถึงฝึกอบรมลูกค้า) ถ้าคนคนเดียวเป็นคน Implement คนนั้นต้องผ่านประสบการณ์ในการทำงานที่หลากหลาย Specialist แบบเป็ดหรือ ทักษะแบบตัว T รายได้ (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และองค์กรนั้นด้วย) ขอแยกตามขนาด Software ดังนี้ Software ขนาดเล็ก อาทิ Business Plus (S/W ไทย), Sage Accpac ( S/W นอก) ประมาณ 18-40 K Software ขนาดกลาง อาทิ Exact Globe , Microsoft Dynamic AX ประมาณ 35K-80K Software ขนาดใหญ่ อาทิ Oracle, JDEdward, SAP ประมาณ 70K-150 K หรือมากกว่านั้น
คุณสมบัติพื้นฐาน
ERP Consultant ส่วนใหญ่จะเป็นคนสายงานด้านบัญชี หรือหากเป็นสาย IT ก็ต้องมีประสบการณ์และเข้าใจระบบบัญชีพอสมควร Project & Job Cost Consultant ส่วนใหญ่จะเป็นคนสายงานวิศวะโยธา หรือหากเป็นสาย IT ก็ต้องมีประสบการณ์ด้านธุรกิจก่อสร้างหรือ Real Estate CRM Consultant ส่วนใหญ่จะเป็นคนสายงานไอทีหรือทั่วไป เนื่องจากความซับซ้อนในระบบจะน้อยกว่า ERP และ ระบบผลิต MRP Consultant ต้องมีความรู้ระบบสายการผลิต ส่วนใหญ่ทำงานด้านอุตสาหการหรือด้านไอทีแต่มีประสบการณ์ในการทำงานแขนงนั้นมาพอสมควรแล้ว Preventive Maintenance Consultant ต้องมีความรู้ด้านเครื่องกลหรือซ่อมบำรุง ส่วนใหญ่ทำงานด้านเครื่องกล/เครื่องจักรหรือด้านไอทีแต่มีประสบการณ์ในการทำงานแขนงนั้นมาพอสมควรแล้ว นอกจากสาขาที่เรียนแล้ว โอกาสการได้รับคัดเลือกเข้าทำงานยังมีองค์ประกอบอย่างอื่นอีกมาก เพราะอาชีพ Business Software Consultant จำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจด้านไอทีเพิ่มด้วย
คุณสมบัติพื้นฐานเป็นเพียงองค์ประกอบภายนอก แต่องค์ประกอบภายใน คือ ศักยภาพที่แท้จริง ของอาชีพนี้ คือ “หัวใจ” เนื่องจากต้องเกี่ยวข้องกับ ผู้ใช้(ลูกค้า) ผู้บริหาร(หรือผู้จัดการโครงการ) และทีมงาน (ที่เกี่ยวข้อง)
1. ความสามารถในการเรียนรู้ และประยุกต์ Software ให้เข้ากับธุรกิจนั้นๆ ได้ดี "Solution ได้ Apply ดี" 2. มีหัวใจบริการ ใจเย็น และอดทน เพราะงานระบบทางธุรกิจต้องเกี่ยวข้องกับผู้ใช้หรือ User มากมายและหลากแนวหลายสไตล์ (น้ำแข็งควรถือไปด้วยเวลาทำงาน) 3. มีทักษะในการโน้วน้าว ในกรณีที่ User ไม่เห็นด้วยหรือไม่ตอบรับในระบบใหม่ ทาง Consultant ก็สามารถที่จะเจรจาเพื่อให้ User เห็นด้วยและทำตาม ทั้งนี้เพื่อบริหารโครงการสำเร็จได้ตามเป้า 4. สุภาพ อ่อนน้อม แม้จะมีความรู้ใน Software หรือเทคโนโลยี มากกว่า User แต่ความรู้ในงานและธุรกิจลูกค้าย่อมรู้เยอะกว่า การที่งานจะเดินไปได้ต้องรับฟังซึ่งกันและกัน เพื่อให้ได้ Solution ที่ดีออกมา อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากคนในทีม ผู้จัดการโครงการ และลูกค้า 5. มีแนวคิด แบบ Win-Win กรณีที่เป็น Software ขนาดเล็ก บทบาทที่เพิ่มขึ้นมาคือ Project Manager ดังนั้น การทำงานจริงแม้จะต้องบริหารต้นทุนให้ได้ แต่ในส่วนของลูกค้าโครงการนั้นก็ต้องสำเร็จและได้ประโยชน์สูงสุดจากการใช้งานระบบเช่นกัน พูดง่ายๆว่า Win-Win ทั้งเราและลูกค้า
6. การทำงานเป็นทีม อาชีพนี้ต้องเกี่ยวข้องทั้งคนในทีมของตนและฝั่งลูกค้า ดังนั้น Consultant ต้องสามารถปรับตัวและทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี
7. วางตัวเป็นกลาง กรณีที่ฝั่งลูกค้าเกิดมีข้อขัดแย้งภายในและอาจจะส่งผลต่อการวางระบบงาน Software Consultant ควรทำหน้าที่ของตนให้ดีก็พอและเป็นกลางเพียงเท่านั้น 8. มีความรู้สภาพแวดล้อมไอทีที่เกี่ยวข้อง เนื่องจาก Software ทำงานอยู่บนเทคโนโลยีอื่นๆด้วย ทั้งในเรื่องของ Database, Network, Hardware และอื่นๆที่เกี่ยวข้องบ้าง ปัจจุบันหลายๆที่ให้ความสำคัญกับการคัดเลือกบุคคลากรที่มี Soft Skill เข้ามาร่วมงาน เพราะเป็นงานที่ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ เพื่อที่โครงการจะได้สำเร็จลุล่วงได้ ดังนั้นแล้ว แม้ผลตอบแทนที่สูงโดยเฉพาะ ระดับ Enterprise Project แต่ในการทำงานจริงมีรายละเอียดค่อนข้างมาก ยากและเยอะ ดังนั้น คนที่ตั้งใจจะทำงานด้านนี้ ต้องอดทน และรักที่จะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอเพื่อให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญอย่างแท้จริง และเป็นที่ยอมรับของลูกค้าและผู้จัดการโครงการให้ได้
สถาบันที่เปิดสอน
ส่วนใหญ่จะยังไม่มีการเปิดหลักสูตรเพื่อผลิตบุคคลากรด้านนี้โดยตรง มีเพียงบางสถาบันที่เปิดสอนหลักสูตร AIS ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นตำแหน่ง Financial Consultant มากกว่า Functional อื่นๆ ยังต้องเรียนรู้และสะสมประสบการณ์จากการทำงานในองค์กรชั้นนำด้านไอที (ทั้งในและต่างประเทศ) การนำความรู้ด้าน Solutions นี้มาต่อยอดกับ Hardware (IoT), Cloud, Big Data และ AI อย่างไร ?
“If you can’t explain it simply, you don’t understand it enough.”
ถ้าต้องการจะเห็นสายรุ้ง คุณจะต้องยอมอดทนกับสายฝนก่อน''
0 Comments
|